-------------------------
ทีมจัดการกองทุนบัวหลวง โดย กร ดุรงคเวโรจน์ / วรวรรณ ธาราภูมิ 31 กรกฎาคม 2556
มีหนังสือนับไม่ถ้วนที่เขียนถึง ลุงวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ว่าจะเป็นสไตล์การลงทุน หรือพยายามจะบอกคนอ่านว่า ลุงบัฟเฟต คิดอะไร และซื้อกิจการตัวไหนเพราะอะไร
แต่ผมว่าหนังสือ “The Warren Buffet Portfolio” ที่เขียนโดย Robert G. Hagstrom และตีพิมพ์ในปี 1999 ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า “ลุงบัฟเฟต คิดอะไรเวลาลงทุน” ทั้งยังรวบรวมคำแนะนำเพื่อการลง ทุนอย่างเน้นคุณค่าตามแบบฉบับขอ ง Buffetology
ผมขอสรุปมาสั้นๆ เพื่อให้เราที่ไม่ใช่นักอ่านตัว ยงพอเอาไปใช้ประโยชน์นะครับ
ทั้งนี้ อ่านแล้วอย่าแค่บอกว่า “อืม .... อ่าฮะ ... ” แล้วก็ลืมไปเลย ขอให้ลองเปรียบเทียบกับตัวเราเอ งว่ามีอะไรเหมือนหรือ ต่างกับ ลุงบัฟเฟต ตรงไหนเวลาเราตัดสินใจลงทุน
ทั้งนี้ อ่านแล้วอย่าแค่บอกว่า “อืม .... อ่าฮะ ... ” แล้วก็ลืมไปเลย ขอให้ลองเปรียบเทียบกับตัวเราเอ
1. เห็นหุ้นเหมือนเราเป็นเจ้าของกิ จการ
------------------------------ ---------
นักลงทุนส่วนใหญ่เห็นหุ้นและตลา ดหุ้นเป็นเพียงกระดาษที่ถูกซื้อ ขายไปมา ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีในแง่ที่ทำใ ห้นักลงทุนไม่ผูกพันทางอารมณ์กั บการลงทุนมากเกินไปจนกระทบการตั ดสินใจซื้อขาย แต่ในอีกด้านหนึ่งมันก็เป็นการบ ดบังการตัดสินใจที่ดีที่สุดเพื่ อการลงทุนในระยะยาว
ลุงบัฟเฟต เชื่อว่า ผู้ถือหุ้นทุกคนไม่ว่าจะถือหุ้น มากน้อยเพียงใด ล้วนควรจะคิดว่าตนเองเป็นเจ้าขอ งกิจการของหุ้นที่ลงทุน เนื่องจากจะทำให้เรามองภาพรวมใน ระยะยาวได้อยู่เสมอ ไม่หวั่นไหวตื่นตูมไปกับอะไรที่ เกิดขึ้นในระยะสั้นๆ เพราะผู้ลงทุนระยะยาวมีแนวโน้มท ี่จะวิเคราะห์บริษัทและใส่ใจในร ายละเอียดต่างๆ ของกิจการที่ตนลงทุน ทำให้เข้าใจธุรกิจได้ดีกว่าผู้ล งทุนระยะสั้น และความเข้าใจกับความอดทนมักจะน ำไปสู่ผลตอบแทนดีๆ ในระยะยาวที่ยั่งยืนกว่า
2. กล้าลงทุนหากมีความมั่นใจในหุ้น ตัวนั้นๆ
------------------------------ --------------
แม้ว่าการลงเงินในหลักทรัพย์น้อ ยตัวเป็นเหมือนข้อห้ามใน Textbook ตามทฤษฎีลงทุนที่เรียนๆ กันมาใน MBA เพราะเป็นการไม่กระจายการลงทุนเ พื่อลดความเสี่ยง หรือที่เรียกว่าไม่ Diversify
ลุงบัฟเฟต เชื่อว่า การลงทุนในหลักทรัพย์หลายตัวเกิ นไปเป็นผลเสีย เพราะการกระจายการลงทุนมากจนเกิ นไปเพื่อลดความเสี่ยงจะทำให้ได้ ผลตอบแทนน้อยกว่าที่ควรจะได้ ลุงบัฟเฟต เชื่ออย่างแรงกล้าว่านักลงทุนต้ องทำการบ้านเกี่ยวกับธุรกิจก่อน ที่จะลงทุน และเมื่อมั่นใจในธุรกิจแล้ว นักลงทุนต้องมั่นในในการตัดสินข องตนและลงทุนในสัดส่วนที่ใจกล้า พอ
ตรงนี้คล้ายๆ กับที่พี่ตู่ CEO และพี่เคี้ยว CIO ของกองทุนบัวหลวง ที่บอกเสมอว่า “หากเจอแล้วว่าตัวไหนดีจริงๆ เชื่อมั่นจริงๆ แล้วทำไมจะต้องแบ่งเงินไปลงทุนใ นตัวที่เราเชื่อมั่นน้อยเพื่อลด ความเสี่ยงไปตามทฤษฎีการลงทุนที ่เรียนกันมาล่ะ เพราะหากเชื่อมั่นน้อย นั่นละคือความเสี่ยงสูง ไม่ใช่หรือ”
3. ลดความถี่ในการซื้อขาย
----------------------------
จริงอยู่ที่การซื้อๆ ขายๆ บ่อยๆ ทำให้นักลงทุนบางคนได้กำไรมากใน ช่วงเวลาสั้นๆ แต่หลายคนที่ลองทำมั่งกลับไม่ได ้เหมือนเขา แถมยังมักจะตรงกันข้ามเรื่องนี้ ลุงบัฟเฟต ไม่เห็นด้วยเลยกับการเทรดระยะสั ้นๆ และไม่เห็นด้วยเลยในตลอดชีวิตกา รลงทุนของเขา ลุงบัฟเฟต เชื่อว่า ผู้ลงทุนควรถือหุ้นของบริษัทในด วงใจไว้เสมอ ไม่มากก็น้อย และถือหุ้นด้วยความคิดที่ว่าเขา เป็นเจ้าของกิจการคนหนึ่งที่มอง อนาคตของธุรกิจในระยะยาวอยู่เสม อ และสิ่งเหล่านี้จะทำให้ผู้ลงทุน มองข้ามความผันผวนเล็กน้อยในระย ะสั้นไปได้
4. พัฒนา Benchmark ของตัวเอง
------------------------------ -----
ผู้ลงทุนส่วนมากจะมองว่าราคาหุ้ นเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จหรือคว ามล้มเหลวในการลงทุน แต่ ลุงบัฟเฟต ไม่ได้มองอย่างนั้น
เขาไม่ได้วัดความสำเร็จในการลงท ุนจากราคาหุ้นที่ขึ้นลงแต่เพียง อย่างเดียว ลุงบัฟเฟต ใช้ความสำเร็จของธุรกิจที่เขาลง ทุน
เขาไม่ได้วัดความสำเร็จในการลงท
เป็นตัวชี้วัด เพราะเชื่อว่าหากตัวธุรกิจทำได้ ดีแล้ว ราคาหุ้นก็จะสะท้อนความสำเร็จได ้เองในระยะต่อไป
5. เข้าใจจิตวิทยาของการลงทุน
------------------------------ ---
ลุงบัฟเฟต เชื่อว่าความพยายามศึกษาให้เข้า ใจจิตวิทยาของการลงทุนไม่ใช่กุญ แจสู่ความสำเร็จของผู้ลงทุนทุกค น และไม่ได้มีผลต่อความสำเร็จของก ารลงทุนระยะยาว การควบคุมอารมณ์ที่ดีต่างหากที่ เป็นกุญแจของความสำเร็จ ซึ่งก็คือ “การเชื่อในพื้นฐานที่แท้จริงขอ งธุรกิจของหุ้นตัวที่เราถือ และอย่าไปกังวลมากกับจิตวิทยาหร ือพฤติกรรมในตลาดหุ้น”
6. ไม่ต้องสนใจการคาดการณ์ของตลาด
------------------------------ -----------
ลุงบัฟเฟต บอกว่าหากตลาดกังวลว่า Recession กำลังมาถึง ตลาดหุ้นก็จะถึงช่วงวิกฤตอีกครั ้ง หากตลาดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะดี มาก ตลาดหุ้นก็จะพุ่งขึ้นไปทำ New High อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่อย่าไปปักใจเชื่อมากนัก ลุงบัฟเฟต ย้ำให้ผู้ลงทุนใช้เวลาที่จะอ่าน พยากรณ์เหล่านั้นไปแสวงหาและคัด เลือกหุ้นดีๆ ที่คนยังไม่สนใจจะดีกว่า (ราคาจึงยังไม่สูงเพราะยังไม่ถู กขับเคลื่อนด้วยมูลค่าตลาดมากนั ก) เพราะหากเราพบก่อนและลงทุนไว้ เมื่อตลาดเริ่มที่จะเข้าใจคุณค่ าที่แท้จริงของหุ้นนั้นเมื่อไหร ่ เราก็จะได้รับผลตอบแทนจำนวนมากโ ดยไม่ต้องไปปวดหัวกับการเคลื่อน ไหวของตลาดหุ้นโดยรวมอยู่ตลอดเว ลา
7. รอโอกาสที่ชัดเจน
----------------------
นักเบสบอลระดับทอปของวงการมักจะ รอเพื่อหวดไม้ให้สุดแรงเฉพาะลูก โยนที่เห็นว่ามีโอกาสตีโดนลูกได ้มากเท่านั้น เขาไม่หวังจะตีโฮมรันไปเสียทุกช ็อต การลงทุนก็เช่นกันลุงบัฟเฟต แนะนำว่า นักลงทุนควรจะทำเหมือนกับว่าตลอ ดชีวิตการลงทุน เราสามารถเลือกหุ้นลงทุนได้เพีย งแค่ 20 ตัวเท่านั้น เพราะจะทำให้นักลงทุนมีความตั้ง ใจพิจารณากลั่นกรองสูงกับการลงท ุนในแต่ละครั้ง และทำให้ไม่ตัดสินใจอะไรที่ไม่ร อบคอบ
7 ข้อนี่ละครับ ที่เพียงพอแล้วสำหรับผู้ลงทุนที ่ต้องการพัฒนาตนเองให้เป็นผู้ลง ทุนที่มีคุณภาพและจะประสบผลสำเร ็จ
ไม่ต้องไปจำอะไรมากมาย เราแค่ปุถุชน เพียงศีล 5 ก็ใช้ได้แล้ว (ในกรณีนี้เป็นศีล 7) ไม่ต้องไปจำศีลให้ครบทั้ง 227 ข้อหรอกครับ เพราะเราไม่ใช่พระสักหน่อย
บทความนำผมนำมาจาก Facebook คุณวรวรรณ ธาราภูมิ ส่วนตัวผมเองผมเห็นด้วยกับบทความดังกล่าวผมเชื่ออย่างหนึ่งว่า คนเราต้องมีแรงบรรดาลใจ หรือ IDOL ให้การทำงานถ้าเราขาดแรงบรรดาลใจคนเราก็จะทำงานเหมือนหุ่นยนต์ พ่อผมสอนไว้ว่า ลูกอย่าได้ทำงานเป็นหุ่นยนต์สิ่งที่สำคัญที่สุดควรมีสัมพันธ์ที่ดีกับตัวบุคคลถ้าลูกมีตรงนี้แล้วไม่ว่าลูกทำงานที่ไหนก็จะมีความสุข ในอาชีพผมที่อยู่กับการเงินผมจริงอยากแชร์ที่สิ่งที่ผมรู้ลง BOX ใบนี้เพื่อให้ BOX ใบนี้คนมาเปิดดูจะได้รับความรู้ที่ดีที่สุดออกไป ซึ่งบทความนี้ผมคิดว่าควรเก็บใส่ BOX ใบนี้เพื่อให้คนต่อไปๆมาเปิด BOX ใบนี้อ่าครับ ^^
ไม่ต้องไปจำอะไรมากมาย เราแค่ปุถุชน เพียงศีล 5 ก็ใช้ได้แล้ว (ในกรณีนี้เป็นศีล 7) ไม่ต้องไปจำศีลให้ครบทั้ง 227 ข้อหรอกครับ เพราะเราไม่ใช่พระสักหน่อย
บทความนำผมนำมาจาก Facebook คุณวรวรรณ ธาราภูมิ ส่วนตัวผมเองผมเห็นด้วยกับบทความดังกล่าวผมเชื่ออย่างหนึ่งว่า คนเราต้องมีแรงบรรดาลใจ หรือ IDOL ให้การทำงานถ้าเราขาดแรงบรรดาลใจคนเราก็จะทำงานเหมือนหุ่นยนต์ พ่อผมสอนไว้ว่า ลูกอย่าได้ทำงานเป็นหุ่นยนต์สิ่งที่สำคัญที่สุดควรมีสัมพันธ์ที่ดีกับตัวบุคคลถ้าลูกมีตรงนี้แล้วไม่ว่าลูกทำงานที่ไหนก็จะมีความสุข ในอาชีพผมที่อยู่กับการเงินผมจริงอยากแชร์ที่สิ่งที่ผมรู้ลง BOX ใบนี้เพื่อให้ BOX ใบนี้คนมาเปิดดูจะได้รับความรู้ที่ดีที่สุดออกไป ซึ่งบทความนี้ผมคิดว่าควรเก็บใส่ BOX ใบนี้เพื่อให้คนต่อไปๆมาเปิด BOX ใบนี้อ่าครับ ^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น