การลงทุนทุกอย่างจะต้องมีการศึกษาก่อนเสมอการลงทุนในหุ้นก็เหมือนกัน ผมขอเปรียบการลงทุนในหุ้นกับการเลือกซื้อมือถือนะครับ "ผมซื้อมือถือผมไปลองเล่นที่ร้านและอ่านรีวิวทางอินเตอร์เน็ตพอถูกใจก็ค่อยซื้อ" การลงทุนในหุ้นถ้านักลงทุนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้ามาผมอยากให้ไปลองเล่นใน click 2 win เป็นเครื่องมือที่ให้นักลงทุนเข้ามาลองเล่นโดยให้วงเงินจำลองมา 5,000,000 บาท ถึงตอนนี้เรามีเครื่องมือที่จะลองลงทุนก่อนเข้าสนามจริง
พอเรามีเครื่องมือที่ใช้ลงทุนแล้วเราจะซื้อหุ้นตัวไหนดีนะ ในเมื่อตลาดมีหุ้นเกือบๆ 500 ตัว "ตอนผมซื้อมือถือมาผมเลือกที่จะโหลดโปรแกรมที่ผมชอบ" หุ้นก็เหมือนกันผมแนะนำลองดูหุ้นที่เราชอบสัก 2-3 ตัว ยกตัวอย่างถ้าเราทำงานธนาคารผมแนะนำให้ดูหุ้นในกลุ่มธนาคารก่อนครับเพราะเราจะเข้าใจง่าย แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าหุ้นธนาคารมีชื่อย่อในตลาดว่าอะไร ผมแนะนำเข้าไปดูใน settrade ครับ
มาถึงตรงนี้เราคงดูชื่อย่อหุ้นเป็นและมีโปรแกรมให้ซื้อ-ขายแล้วแต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราควรซื้อหุ้นตอนไหน? "ผมเลือกซื้อโปรแกรมมือถือตอนลดราคาและตอนที่เราคิดว่าจำเป็นต้องใช้" ในตลาดหุ้นมีนักลงทุน 3 ประเภท คือ
1.นักลงทุนแบบ vi "Valur Investor" นักลงทุนประเภทนี้จะดูงบของบริษัทดูความสามารถความเป็นไปได้ที่บริษัทสามารถทำกำไรเติบโตเพิ่มขึ้นในอนาคตเทียบกับราคาหุ้นปัจจุบัน เช่น P/E,ROA/ROE ตัวอย่างบุคคลที่เป็น IDOL สายนี้เช่น ดร.นิเวศ
2.นักลงทุนสายเทคนิคคอล นักลงทุนสายนี้จะเน้นดูกราฟเป็นหลัก เช่น กราฟสีเขียวตัดกับกราฟสีแดงเป็นจุดซื้อ ซึ่งเป็นการเล่นโดยอ้างอิงสถิติในอดีต ตัวอย่างบุคคลที่เป็น IDOL สายนี้เช่น ลุงโฉลก
3.นักลงทุนแบบเก็งกำไร นักลงทุนสายนี้ต้องใช้ความเก๋าพอตัวกล้าซื้อกล้าขายขาดทุน บางคนดูเทคนิคคอลรายนาทีแล้วตัดสินใจซื้อ-ขาย บางคนก็ดู ticker แล้วซื้อ-ขายตาม IDOL สายนี้เช่น ยังหาตัวไม่เจอ ><
เพื่อนๆที่คิดจะมาลงทุนในหุ้นก็ลองศึกษาดูนะครับว่าเราชอบลงทุนแบบไหนแล้วเดินเข้าร้านหนังสือหาหนังสือที่เจาะจงอ่านเพิ่มเติม